ปัจจุบันและในอนาคตหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมมากขึ้น
โดยจะทำงานแทนมนุษย์ในงานต่างๆ เหล่านี้งานที่อันตราย เช่น งานยกเหล็กเข้าเตาหลอม
งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี งานซ้ำซากน่าเบื่อ เช่น งานยกสินค้าจากสายงานการผลิต
งานประกอบ งานบรรจุผลิตภัณฑ์งานที่ต้องการคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน เช่น งานเชื่อม
งานตัด งานที่ต้องใช้ทักษะความชำนาญสูง เช่น งานเชื่อมแนว เชื่อมเลเซอร์
งานที่ต้องใช้ความละเอียดประณีต เช่น งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานตรวจสอบ
(Inspection)
ฯลฯหุ่นยนต์
คือ เครื่องจักรที่ถูกควบคุมอัตโนมัติ สามารถเขียนโปรแกรมใหม่ได้ ใช้งานเอนกประสงค์
โปรแกรมการเคลื่อนที่จะต้องสามารถโปรแกรมให้เคลื่อนที่ได้อย่างน้อย 3 แกนหรือมากกว่า
หุ่นยนต์อาจจะยึดอยู่กับที่หรือย้ายตำแหน่ง (Mobile) เพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมการแบ่งชนิดของหุ่นยนต์โดยทั่วไปการแบ่งชนิดของหุ่นยนต์จะแบ่งตามลักษณะรูปทรงของพื้นที่ทำงาน
(Envelope
Geometric) แต่ก่อนจะอธิบายชนิดของหุ่นยนต์ขออธิบายการทำงานของจุดต่อ
(Joint)
ของหุ่นยนต์
อุตสาหกรรมซึ่งในขั้นพื้นฐานมี 2 ชนิดด้วยกัน ดังนี้จุดต่อ (Joint) ทั้งสองแบบเมื่อนำมาต่อเข้าด้วยกันอย่างน้อย
3
แกนหลักจะได้พื้นที่ทำงาน
(Work
envelope) ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป
ซึ่งสามารถนำมาแบ่งชนิดของหุ่นยนต์ได้ดังต่อไปนี้1. Cartesian
(Gantry) Robotแกนทั้ง 3 ของหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่เป็นแบบเชิงเส้น
(Prismatic)
ถ้าโครงสร้างมีลักษณะคล้าย
Overhead
Crane จะเรียกว่าเป็นหุ่นยนต์ชนิด
Gantry
แต่ถ้าหุ่นยนต์ไม่มีขาตั้งหรือขาเป็นแบบอื่น
เรียกว่า ชนิด Cartesian
ข้อดี
1. เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรงทั้ง
3
มิติ
2. การเคลื่อนที่สามารถทำความเข้าใจง่าย
3. มีส่วนประกอบง่ายๆ
4. โครงสร้างแข็งแรงตลอดการเคลื่อนที่ข้อเสีย
1. ต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก
2. บริเวณที่หุ่นยนต์เข้าไปทำงานได้
จะเล็กกว่าขนาดของตัวหุ่นยนต์
3. ไม่สามารถเข้าถึงวัตถุจากทิศทางข้างใต้ได้
4. แกนแบบเชิงเส้นจะ
Seal
เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลวได้ยากการประยุกต์ใช้งานเนื่องจากโครงสร้างมีความแข็งแรงตลอดแนวการเคลื่อนที่
ดังนั้นจึงเหมาะกับงานเคลื่อนย้ายของหนักๆ หรือเรียกว่างาน Pick-and-Place
เช่น
ใช้โหลดชิ้นงานเข้าเครื่องจักร (Machine loading) ใช้จัดเก็บชิ้นงาน (Stacking) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในงานประกอบ
(Assembly)
ที่ไม่ต้องการเข้าถึงในลักษณะที่มีมุมหมุน
เช่น ประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงาน Test ต่างๆ2.
Cylindrical Robot หุ่นยนต์ประเภทนี้จะมีแกนที่
2
(ไหล่)
และแกนที่ 3 (ข้อศอก) เป็นแบบ Prismatic ส่วนแกนที่ 1 (เอว) จะเป็นแบบหมุน (Revolute) ทำให้การเคลื่อนที่ได้พื้นที่การทำงานเป็นรูปทรงกระบอก ดังรูป
ข้อดี
1. มีส่วนประกอบไม่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
3. สามารถเข้าถึงเครื่องจักรที่มีการเปิด
– ปิด หรือเข้าไปในบริเวณที่เป็นช่องหรือโพรงได้ง่าย (Loading) เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าเครื่อง
CNC
ข้อเสีย
1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. แกนที่เป็นเชิงเส้นมีความยุ่งยากในการ
Seal
เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลวการประยุกต์ใช้งานโดยทั่วไปจะใช้ในการหยิบยกชิ้นงาน
(Pick-and-Place)
หรือป้อนชิ้นงานเข้าเครื่องจักร
เพราะสามารถเคลื่อนที่เข้าออกบริเวณที่เป็นช่องโพรงเล็กๆ ได้สะดวก3. Spherical
Robot (Polar)มีสองแกนที่เคลื่อนในลักษณะการหมุน
(Revolute
Joint) คือแกนที่
1
(เอว)
และแกนที่ 2 (ไหล่) ส่วนแกนที่ 3 (ข้อศอก)
จะเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง ดังรูป
ข้อดี
1. มีปริมาตรการทำงานมากขึ้นเนื่องจากการหมุนของแกนที่
2
(ไหล่)
2. สามารถที่จะก้มลงมาจับชิ้นงานบนพื้นได้สะดวกข้อเสีย
1. มีระบบพิกัด
(Coordinate)
และส่วนประกอบ
ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมมีความซับซ้อนขึ้นการประยุกต์ใช้งานใช้ในงานที่มีการเคลื่อนที่ในแนวตั้ง
(Vertical)
เพียงเล็กน้อย
เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าออกจากเครื่องปั้ม (Press) หรืออาจจะใช้งานเชื่อมจุด (Spot
Welding)
4. SCARA
Robotหุ่นยนต์
SCARA
(Selective Compliance Assembly Robot Arm) จะมีลักษณะแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) หมุนรอบแกนแนวตั้ง
และแกนที่ 2 จะเป็นลักษณะการเคลื่อนที่ขึ้นลง
(Prismatic)
ดังรูป
หุ่นยนต์ SCARA จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วในแนวระนาบ และมีความแม่นยำสูง
ข้อดี
1. สามารถเคลื่อนที่ในแนวระนาบ
และขึ้นลงได้รวดเร็ว
2. มีความแม่นยำสูง
1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. ไม่สามารถหมุน
(rotation)ในลักษณะมุมต่างๆได้
3. สามารถยกน้ำหนัก
(Payload)
ได้ไม่มากนักข้อเสียการประยุกต์ใช้งานเนื่องจากการเคลื่อนที่ในแนวระนาบและขึ้นลงได้รวดเร็วจึงเหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งต้องการความรวดเร็วและการเคลื่อนที่ก็ไม่ต้องการการหมุนมากนัก
แต่จะไม่เหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางกล (Mechanical Part) ซึ่งส่วนใหญ่การประกอบจะอาศัยการหมุน
(Rotation)ในลักษณะมุมต่างๆ นอกจากนี้ SCARA Robot ยังเหมาะกับงานตรวจสอบ (Inspection) งานบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
5.
Articulated Arm (Revolute) ทุกแกนการเคลื่อนที่จะเป็นแบบหมุน
(Revolute)
รูปแบบการเคลื่อนที่จะคล้ายกับแขนคน
ซึ่งจะประกอบด้วยช่วงเอว ท่อนแขนบน ท่อนแขนล่าง ข้อมือ
การเคลื่อนที่ทำให้ได้พื้นที่การทำงาน ดังรูป
ข้อดี
1. เนื่องจากทุกแกนจะเคลื่อนที่ในลักษณะ
ของการหมุนทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการเข้าไปยังจุดต่างๆ
2. บริเวณข้อต่อ
(Joint)
สามารถ Seal เพื่อป้องกันฝุ่น ความชื้น
หรือน้ำ ได้ง่าย
3. มีพื้นที่การทำงานมาก
4. สามารถเข้าถึงชิ้นงานทั้งจากด้านบน
ด้านล่าง
5. เหมาะกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า
เป็นชุดขับเคลื่อนข้อเสีย
1. มีระบบพิกัด
(Coordinate)
ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมทำความ
เข้าใจได้ยากขึ้น
3. ควบคุมให้เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
(Linear)
ได้ยาก
4.โครงสร้างไม่มั่นคงตลอดช่วงการเคลื่อนที่
เพราะบริเวณขอบ Work Envelope ปลายแขนจะ
5. มีการสั่น
ทำให้ความแม่ยำลดลงการประยุกต์ใช้งาน หุ่นยนต์ชนิดนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวางเพราะสามารถเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ
ได้ดี เช่น งานเชื่อม Spot Welding, Path Welding, งานยกของ, งานตัด, งานทากาว, งานที่มีการเคลื่อนที่ยากๆ เช่น
งานพ่นสี งาน Sealing ฯลฯการเลือกหุ่นยนต์ชนิดต่างๆ
มาใช้งาน ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการให้หุ่นยนต์ทำดังที่อธิบายไว้ตอนต้น
วิดีโอน่าดูมากเลย เก่งค่ะ
ตอบลบผ่านครับ
ตอบลบเข้าใจง่าย
ตอบลบ